(Psychosomatic
Disorders)
ในบรรดาโรคทางจิตเวชที่พบได้บ่อยนั้น
โรคเครียดเป็นโรคที่จัดได้ว่าเกิดได้ง่ายที่สุด
แทบทุกคนจะเคยมีประสบการณ์ของความเครียดไม่มากก็น้อย
ความเครียดอาจจะเป็นความรู้สึกที่คู่กับมนุษย์ เนื่องจากสมองที่มีขนาดใหญ่
ทำให้มีการใช้ความคิดมากกว่าสัตว์อื่นๆ มีการคิดล่วงหน้า
ซึ่งถ้ามองในด้านดีก็จะเห็นประโยชน์มากมายในการป้องกันปัญหาต่างๆ
แต่ความคิดที่สลับซับซ้อนมากๆก็ทำให้คิดกังวลล่วงหน้าได้มาก
คิดในแง่ร้ายได้มากเช่นกัน
คนที่มีความทุกข์มากๆมักจะปล่อยใจให้หลงคิดและกังวลอยู่ในอดีตที่ผ่านไปแล้วแก้ไขไม่ได้
หรือกังวลล่วงหน้าในเรื่องอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ลืมอยู่กับปัจจุบัน
ลืมชื่นชมปัจจุบันซึ่งจะทำให้ใจสงบและมีความสุขได้มากนะครับ
ในคนปกติความเครียดที่เกิดจะสัมพันธ์กับเหตุการณ์หรือ
สิ่งแวดล้อม เช่น ในการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย นักเรียนจะรู้สึกเครียด
เพราะการสอบนั้นอาจไม่ได้ผลตามที่คาดหวังไว้
ความกังวลล่วงหน้าคือการคาดว่าผลที่จะเกิดขึ้นอาจไม่เป็นไปตามความต้องการหรือจะทำให้เกิดอันตราย
นักเรียนก็จะเกิดความเครียด ความวิตกกังวล
ในสัตว์ชั้นต่ำกว่าคนจะไม่มีความวิตกกังวลล่วงหน้าเช่นนั้น
ความเครียดของสัตว์มักจะเกิดจากการถูกคุกคาม ต่อชีวิต ที่อยู่อาศัย
เรื่องเพศ เรื่องอาหารซึ่งล้วนแล้วแต่จะเป็นการตอบสนองตามสันชาตญาน
เพื่อให้ตนเองอยู่รอด
ปลอดภัยในสิ่งแวดล้อมเท่านั้นเพราะสัตว์ไม่มีปัญญาที่จะคิดไกลกว่านั้น
คำศัพท์ที่อาจมีความหมายคล้ายกัน คือคำว่าความเครียด
และความวิตกกังวล
ความเครียดเป็นผลรวมของความคิด ความรู้สึก
การกระทำและปฏิกิริยาทางร่างกายที่เกิดขึ้น
ความวิตกกังวลเป็นภาวะทางอารมณ์
ขึ้นอยู่กับการคาดคะเนเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้น
ความเครียดจึงเกิดขึ้นได้ง่ายๆแม้ในคนธรรมดา
คนที่ไม่เครียดเลยอาจแสดงว่าไม่ใส่ใจต่อการแก้ไขปัญหา ทำให้ไม่รู้สึกเครียด
คนปกติทุกคนจึงมีความเครียดเป็นสิ่งกระตุ้นให้คิด แก้ไข ป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น
เมื่อปัญหามีทางออก ความเครียดก็จะลดลง
ความเครียดในคนที่เป็นโรคเครียด
จะแตกต่างจากความเครียดปกติที่เกิดในคนทั่วๆไป
คือจะเกิดอาการทางร่างกายซึ่งรบกวนหน้าที่การทำงานในชีวิตประจำวัน
อาการที่พบบ่อยๆได้แก่ อาการปวดศีรษะ ปวดคอ ปวดหลัง ปวดท้อง
อาการ
อาการของความเครียดจะเกิดขึ้นในอวัยวะที่ถูกกำกับควบคุมโดยประสาทอัตโนมัติ
ทำให้ประสาทอัตโนมัติเหล่านั้นทำงานมากขึ้นจนเกิดอาการต่างๆ เช่น
ในระบบทางเดินอาหาร
กระเพาะอาหาร เกิดการหลั่งกรดมากผิดปกติ ทำให้กระอาหารเป็นแผล ปวดท้อง
แน่นท้อง ท้องอืด คลื่นไส้อาเจียน ลำไส้ เกิดการหดตัวมากกว่าปกติ
ทำให้เกิดอาการท้องเสีย ถ่ายบ่อย
ในระบบหัวใจและหลอดเลือด
ทำให้หัวใจเต้นเร็ว เต้นผิดจังหวะหลอดเลือดที่เลี้ยงหัวใจตีบลง มีไขมันมาเกาะ
ทำให้หลอดเลือดหัวใจตีบตัน เกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ความดันโลหิตสูง
ระบบกล้ามเนื้อ
มีการหดตัว เกร็งแข็ง เกิดอาการปวดศีรษะ ปวดคอ ปวดหลัง
ปวดกล้ามเนื้อต่างๆทั่วตัว
ประสาทอัตโนมัติเป็นระบบที่ทำงานโดยไม่สามารถบังคับหรือสั่งการได้
หล่อเลี้ยงอวัยวะภายในทั้งหมด ได้แก่ หัวใจ ปอด ตับ ลำไส้ หลอดเลือด
ประสาทอัตโนมัติมีความเกี่ยวข้องกับสมอง
และไขสันหลังเป็นอย่างยิ่ง ความเครียดจะกระตุ้นอารมณ์ในสมอง
ซึ่งจะกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติให้ทำงานผ่านแนวเชื่อมโยงกับไขสันหลัง
การทำงานนั้นอยู่นอกการควบคุมของจิตใจ
ทีนี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นโรคเครียดหรือไม่
โรคเครียดสามารถวินิจฉัยได้ง่าย เราทุกคนก็สามารถวินิจฉัยตัวเองได้
คือ เมื่อ มีอาการทางกายเกิดขึ้นสัมพันธ์กับความเครียด
แต่ปัญหาใหญ่มักอยู่ที่ตัวเราเองไม่ค่อยยอมรับว่าเครียด ผมมีคนไข้โรคเครียดหลายรายที่ปฏิเสธอย่างแข็งขันในตอนแรกว่าไม่เครียด
แต่เมื่อได้สัมภาษณ์ลงลึกก็มักจะพบว่ามีความเครียดจำนวนมากแฝงอยู่ เช่น ทำงานวันละ12-16
ชั่วโมง
การดำเนินของโรค
โรคนี้มักเป็นในวัยรุ่น
และเป็นต่อเนื่องไปถึงวัยผู้ใหญ่ อาการเกิดสัมพันธ์กับความเครียดในการดำเนินชีวิต
คนที่มีปัญหาบุคลิกภาพจะเกิดอาการได้มากกว่าคนทั่วไป
ทำให้มีปัญหาในการทำงาน
เกิดความเจ็บป่วยทางร่างกายมากๆจนไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ เมื่อชีวิตไม่มีปัญหา
อาการจะสงบลง
การรักษา
การรักษาใช้หลายๆวิธีรวมกัน
ได้แก่
1. การรักษาโรคทางกายให้สงบ ตามอาการที่เกิด เช่น
ใช้ยาลดกรดในกระเพาะรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร
ยาลดความดันโลหิตรักษาโรคความดันโลหิตสูง ฯลฯ
การรักษานี้เป็นการรักษาที่ปลายเหตุ แต่ก็จำเป็นต้องทำก่อน เพื่อลดอาการต่างๆ
ให้ผู้ป่วยสบายขึ้น มิฉะนั้นอาการต่างๆเหล่านั้นจะทำให้ผู้ป่วยเกิดความเครียดต่อเนื่อง
เป็นวงจรไม่รู้จบ
2. การรักษาทางจิตใจ
การผ่อนคลายความเครียด และทำใจให้สงบ
การแก้ไขปัญหาชีวิตให้สำเร็จ
มีการปรับตัวกับบุคคลอื่นได้ดี
การออกกำลังกายให้แข็งแรง จิตใจเผชิญความเครียดได้ดี
มีการผ่อนคลาย งานอดิเรก พักผ่อนหย่อนใจ
3. การจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม
สถานที่ทำงาน ที่อยู่อาศัย ไม่เครียด
การทำงานพอเหมาะ ไม่หนักมากเกินไป มีเวลาพักผ่อน
โดย นพ. พนม เกตุมาน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น